ยินดีตอนรับเข้าสู่blogเทคนิคการสร้างเครือข่ายในการจัดเรียนรู้

หน่วยที่2



เรื่อง ขอบข่ายของการศึกษา

ลักษณะเด่นของสังคมมนุษย์ที่ได้กล่าวมาแล้วแสดงให้เห็นว่า ผลของการดิ้นรนเพื่อชีวิตให้รอดทำสังคมมนุษย์สามารถสั่งสมวิทยาการต่างๆ โดยการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นส่งผลให้มีการประยุกต์และสร้างสรรค์วิทยาการต่างๆ ให้เป็นวัสดุ อุปกรณ์และวิธีการใหม่ๆ  เป็นวงจรพัฒนาการของสังคมมนุษย์ที่มีลักษณะพิเศษกว่าสัตว์อื่น วงจรที่เป็นวัฏจักรนี้คือ  การศึกษา  วิทยาการ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี   เนื่องจากในตอนที่ 6.1 นี้เป็นตอนที่ศึกษาถึงพัฒนาการความสัมพันธ์ระหว่างเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษากับการศึกษา   ดังนั้นเมื่อกล่าวถึงขอบข่ายของการศึกษา จึงเน้นที่ข่ายของการศึกษาในประเด็นที่มีความสัมพันธ์กับเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา  ในขอบข่ายของเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษาเองก็เป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งของการศึกษา  ดังรายละเอียดต่อไปนี้    การศึกษาเป็นกระบวนการถ่ายทอด  สร้างสรรค์และสั่งสมวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของปัจเจกชนและสังคม ในยุคต้นๆ สังคมเล็ก  วิทยาการก็น้อย  วิถีชีวิตก็เรียบง่าย อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ  การศึกษาจึงเป็นกระบนการถ่ายทอดประสบการณ์จากพ่อแม่สู่ลูก  จากผู้ใหญ่สู่เด็ก  และค่อยๆ  พฒันามาเรื่อยๆ ตามขนาดและความเจริญของสังคม  เริ่มต้นจากยุคที่มนุษย์รวมตัวกันอาศัยอยู่ตามธรรมชาติ  ยุคที่รวมตัวกันเป็นหมู่บ้านถาวร ยุคสังคมระบบวัด   ยุคสังคมค้าขาย  ยุคโรงงาน  ยุคอุตสาหกรรม  จนยุคสังคมข่าวสาร อย่างในระบบโรงเรียน  

1.การศึกษาในระบบโรงเรียน 

การศึกษาในระบบโรงเรียนเป็นระบบการศึกษาที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเทคโนโลยีในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ประมาณ  .. 2313 สังคมมีความจำเป็นจะต้องฝึกเยาวชนให้ทำงานประสานกับเครื่องจักรในโรงงาน โดยทำงานเป็นส่วนๆ เป็นแผนก เป็นกลุ่มๆ จำนวนมาก  วิธีการสื่อสารและให้การศึกษาที่ใช้มาตั้งแต่ดั้งเดิมคือการศึกษาวิธีธรรมชาติและการสื่อสารรายบุคคลและกลุ่มเล็ก  จึงใช้ไม่ได้กับการศึกาในระบบใหม่นี้  เพราะเป็นระบบที่นรวมเยาวชนมาไว้ในห้องสี่เหลี่ยมจำนวนมาก มีผู้ชำนาญการหนึ่งคนทำหน้าที่เป็นครูสอนและถ่ายทอดประสบการณ์แก่คนกลุ่มใหญ่นั้น โดยมีเป้าหมายว่า ทุกคนจะต้องได้เรียนรุ้เหมือนกันและเท่าเทียมกัน

2.การศึกษานอกระบบโรงเรียน

      การศึกษานอกระบบโรงเรียน (Non-formal  Educatin)  เป็นการศึกษาที่จัดให้แก่ประชากรที่อยู่นอกหรือพ้นจากระบบโรงเรียนด้วยสาเหตุต่างๆ เช่น อายุพ้นวัยเรียน อยู่นอกเขตการศึกษา พลาดโอกาสด้วยสาเหตุต่างๆเป็นต้น เนื้อหาสาระของการศึกษาเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นและมีความสำคัญต่อพัฒนาการและสันติสุขของสังคมและการดำรงชีพของบุคคล โดยเฉพาะประเทศที่กำลังพัฒนาที่ไม่สามารถจัดการศึกษาในระบบโรงเรียนให้ได้อย่างพอเพียงและทั่วถึง  หลายประเทศเรียกการศึกษานอกระบบโรงเรียนเป็นการศึกษาผู้ใหญ่ เพราะมุ่งจัดการศึกษาให้แก่ผู้ใหญ่ที่พ้นวัยเรียนจากการศึกษาในระบบโรงเรียน ในบางประเทศเช่นประเทศญี่ปุ่น เรียกการศึกษานอกระบบโรงเรียนว่าเป็นการศึกษาของชุมชน (Shakai Kyoiku) รับผิดชอบจักการศึกษาตามความจำเป็น  ความต้องการละความเหมาะสมของสังคมของตน ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นได้รับภาพยนตร์การศึกษาไปจากสหรัฐอเมริกา  ภาพยนตร์ทุกม้วนจะถุกจองไปฉษยในศาลาการศึกษาชุมชนทั่วประเทศ  แต่ละเรื่องที่ได้ชมแล้วก็ได้อภิปรายและวิเคราะห์ร่วมกัน ถ้าเป็นเรื่องที่สอดคล้องกับทรัพยากรของท้องถิ่น
   จะเห็นได้ว่า  การศึกษานอกระบบโรงเรียนรับผิดชอบประชากรจำนวนมากกว่าประชากรในระบบโรงเรียน มีความหลายในระบบบริหารจักการ  ระบบวิชาการและหลักสูตร และระบบการให้บริการการศึกษา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีและสื่อการศึกษาทุกขอบข่ายในลักษณะที่แตกต่างและหลากหลายตามไปด้วย โดยเฉพาะขอบข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อการศึกษา

3.การศึกษาตามอัธยาศัย  

การศึกษาตามอัธยาศัย (Informal  Education) เป็นการศึกษาที่บุคคลได้รับข่าวสาร  ความรู้ความคิดและประสบการณ์ต่างๆ  จากสภาพแวดล้อม สังคมและกจิกรรมในการดำรงชีวิตของตนเองโดยบุคคลอาจดีรับความรู้  ความสามารถและความคิดเห็นจากกิจกรรมการดำรงชีวิตโดยไม่ได้ตั้งใจ  จากกิจกรรมต่างๆ หรือจากการแสวงหาเพื่อการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในชีวิตประจำวัน  ซึ่งอาจประมวลและแบ่งเป็นประเภทได้ 3  ประเภท ได้แก่(1)การศึกษาโดยบังเอิญ  (2)การศึกษาบันเทิง และ (3) สิกชีวีการศึกษาอัธยาศัยทั้ง 3 ประเภทนี้   มีความเกี่ยวเนื่องและแปรผันไปตาเทคโนโลยีและสื่อสารในแต่ละยุคละสมัย
3.1 การศึกษาโดยบังเอิญ (Incidental   Education) เป็นการศึกษาที่บุคคลได้รับความรู้ ความสามารถแความคิจากสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติแลสิ่งแวดล้อมทางสังคม  โดยไม่ได้มีเจตนา  หรือไม่ได้ตั้งใจที่จะแสวงหาโดยตรง  เช่น การพูดคุย   การสนทนากับเพื่อนบ้านตามปกติ  การรับฟังข่าวสารประจำวันทางวิทยุหรือโทรทัศน์  หรือการอ่านข่าวในหนังสือพิมพ์รายวัน

3.2การศึกษาบันเทิง (Edutainment) เป็นการศึกษาที่บุคคลได้รับความรู้ความสามารถและความคิดจากกิจกรรมนันทนาการ  งานรื่นเริง งานเทศกาลทางศาสนาจารีประเพณี  งานอริเรก  ท่องเที่ยว  และทัศนาจร  ภาพยนตร์   โขน หนัง  ละคร  และสื่อการศึกษาบันเทงโดยตรง  เช่นวีดิโอเกมที่เป็นเกมในการแก้ปัญหา  คณิตศาสตร์  แก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์  เรียกว่าเป็นการศึกษาที่สนุกเพลิดเพลิน  หัวเราะไปพลางและได้ความรู้ความสามารถและความคิดใหม่ๆ

3.3 สิกขชีวี (Life Along Education หรือ Just-in-time Education)
    เป็นการศึกษาที่บุคคลได้รับความรู้  ความสามารถ  และความคิดจากประสบการณ์ในชีวิตประจำวันของตน  สิกขชีวีพัฒนามาจากองค์ประกอบของสังคมการเรียนรู้ที่คน ทุกหน่วยงาน ทุกองค์กรและทุกสถาบันในสังคมทำหน้าที่เป็นผู้ผลิต ผู้บริโภคและผู้ให้บริการการศึกษาไปในตัว   ทุกหน่วยในสังคมทำทำหน้าที่ทางการศึกษาควบคู่กับหน้าที่รับผิดชอบอื่ในสังคม

4.การฝึกอบรม

  การฝึกอบรมที่เป็นขอบข่ายทางการศึกษาอีกขอบข่ายหนึ่ง   ได้แก่  การฝึกอบรมที่เกิดขึ้นในยุคสังคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่  และในยุคสังคมข่าวสาร  เนื่องมาจากการรวมกลุ่มเป็นชุมชขนาดใหญ่  ตลอดทั้งการเปลี่ยนแปลงอย่างเร็ว ทำให้องค์ต่างๆ

4.1  การฝึกอบรมก่อนทำงาน   หน่วยที่เกี่ยวข้องกับการฝึกอบรมขององค์กรขนาดใหญ่นิยมใช้วิธี(1)การศึกษาร่วมมือ   (2)การฝึกอบรมร่วมมือ  (3)การฝึกอบรมทดลองงาน

4.2   การฝึกอบรมขณะทำงาน   การฝึกอบรมขณะทำงานมีความจำเป็นจะต้องดำเนินการโดยไม่แยกการฝึกอบรมออกจากการทำงานตามปกติ   ซึ่งสามารถทำได้โดยอาศัยความหลากหลายและความคล่องตัวของระบบสารสนเทศ     ระบบสื่อสารการฝึกอบรม   ระบบสื่อสารและโทรคมนาคมที่มีในสังคมโกลปัจจุบัน  การฝึกอบรมขระทำงานโดยไม่แยกการฝึกอบรมออกจากการทำงาน
4.3 การฝึกอบรมเพื่อเปลี่ยนหน้าที่    หมายถึง   การฝึกอบรมเพื่อเลื่อนตำแหน่งงานรับผิดชอบสูงขึ้นเปลี่ยนหน้าที่ในสายวิชาชีพเดียวกัน  เตรียมบุคลากรเพื่อรองรับระบบการทำงานใหม่หรือเทคโนโลยีใหม่ที่ห้เหมือนกับการฝึกอบรมก่อนน่วยงานนำเข้ามาใช้  วิธีการฝึกอบรมอาจเลือกดำเนิการได้เหมือนกับฝึกอบรมก่อนทำงานอบรมขณะทำงานที่ได้กล่าวมา

5.การศึกษาทางไกล

  การศึกษาทางไกล(Distanca  Education)เป็นระบบการศึกษาที่ผู้เรียนผู้สอนไม่ได้เผชิญหน้ากันโดยตรง แต่ถ่ายทอดเนื้อหาสาระและประสบการณ์ต่างๆ  ทางสื่อการศึกษาทุกรูปแบบที่สามารถตอบสนองต่อสภาพแตกต่างระหว่างบุคคลและสามารถเรียนได้ด้วยตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ  การศึกษาทางไกลยึดปรัชญาการศึกษาตลอดชีวิตเพื่อเปิดโอกาสและขยายโอกาสทางการศึกษา  การศึกษาทางไกลสามารถจัดรูปแบบออกได้เป็น  3ลักษณะ  ได้แก่  จัดรูปแบบโดยยึดผู้เรียน  จัดรูปแบบโดยยึดระบบการถ่ายทอดและจัดรูปแบบโดยยึดโครงสร้างของสื่อการศึกษา

5.1 การจัดรูปแบบการศึกษาทางไกลโดยยึดผู้เรียน      มี 3  รูปแบบได้แก่  (1)  แบบผู้เรียนกลุ่มเดียว(single  mode)  เป็นการศึกษาทางไกลที่เปิดให้กลุ่มผู้เรียนอยู่ที่บ้านศึกษาด้วยตนเองโดยไม่ต้องเข้าชั้นเรียน(2)  แบบผู้เรียนสองกลุ่ม  (dual  mode) เป็นการศึกษาทางไกลที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนเลือกเรียนเองที่บ้านหรือมาเข้าชั้นเรียนประจำก็ได้และ(3)แบบผู้เรียนสามกลุ่ม  (triple  mode)  ได้แก่ กลุ่มที่เรียนที่บ้านกลุ่มที่เรียนในชั้นเรียน  และกลุ่มที่เรียนที่บ้านแต่มาเข้าชั้นรียนบางโอกาส

5.2 การจัดรูปแบบการศึกษาทางไกลโดยยึดระบบการถ่ายทอด     มี     7   รูปแบบ  ได้แก่  (1)การศึกษาภายนอก(External  studies)(2)การศึกษาแบบขยายสาขา(Extension  Studies)(3)การศึกษาในและนอกวิทยาเขต(Extra-Mural  Studies  หรือ  On-Off  Campus)(4)การศึกษาทางไปรษณีย์ (Correspon-dence Studies)(5)การศึกษาแบบตลาดวิชา(Open  Admission  Program)(6)การศึกษาแบบมหาวิทยาลัยเปิด(Open University System)และ(7)การเรียนระบบเปิด (Open   Learning  System)

5.3   การจัดรูปแบบการศึกษาทางไกลโดยยึดโครงสร้างของสื่อ    มีสองกลุ่มสื่อหลักสื่อเสริมและกลุ่มโครงสร้างเครือข่ายสื่อสาร   (ศึกษารายละเอียดจาก  ชัยยงค์  พรหมวงค์    หน่วยที่  12   การศึกษาทางไกลกับการพัฒนาทรัพยากรมมนุย์   ในชุดวิชาโนโลยีและสื่อสารการศึกษากับการพัฒนากรมนุษย์  บัณฑิตศึกษา   สาขาวิชาศึกษาศาสตร์     มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช    2536)
       โดยสรุปแล้ว   การศึกษาเป็นกระบวนการถ่ายทอด   สร้างสรรค์และสั่งสมวิถีชีวิต  และวัฒนธรรมของปัจเจกชนและสังคม  มีขอบข่ายประกอบด้วย  (1)การศึกษาในระบบโรงเรียน(2)การศึกษานอกระบบโรงเรียน(3)การศึกษาตามอัธยาศัย(4)การฝึกอบรม  และ(5)การศึกษาทางงไกล

หลังจากศึกษาเนื้อหาสาระเรื่องที่  6.1.2   แล้ว   โปรดปฏิบัติกิกรรม  6.1.2
ในแนวการศึกษาหน่วยที่  6ตอนที่    6.1   เรื่องที่     6.1.2



อ้างอิงจาก
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
บัณฑิตศึกษา   สาขาวิชาศึกษาศาสตร์
สงวนลิขสิทธิ์
ลิขสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช

จัดพิมพ์โดย

สำนักพิมพ์  มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 

พิมพ์ครั้งแรก   พ.ศ.   2545

พิมพ์ครั้งที่  2  พ.ศ .  2548 จำนวน  200   เล่ม


   พิมพ์ที่    โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมมาธิราช

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น